วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สุปุพพัณหสูตร

ว ันขึ้นปีใหม่ ถือเป็นฤกษ์ดี ยามดีสำหรับชีวิตที่ผ่านปีเก่ามาแล้ว ถึงปีเก่าจะลำบาก หรือทุกข์ยาก เดือดร้อนอย่างไร ก็ถือว่าสิ้นเคราะห์ไปที บัดนี้ขึ้นปีใหม่แล้ว ชีวิตของปีใหม่มีหวังจะดีขึ้น สะดวกขึ้นในการดำรงชีพ ชีวิตจะเป็นสุขขึ้น ทำให้มีกำลังใจในอันจะปฏิบัติการงาน ลืมชีวิตปีเก่านั้นเสีย ฝันถึงอนาคตที่คาดว่าจะสดชื่นใหม่ต่อไป เตรียมตัวเข้าจับงานเพื่อรับโชคปีใหม่

ผ ู้ที่มีชีวิตเป็นสุข สะดวกในการดำรงชีพ อยู่ดีกินดี ก็ดีใจหวังก้าวหน้าในการงานและประโยชน์ขึ้นไปอีก บ้างก็ส่งความสุขปีใหม่ไปให้กัน ด้วยการอวยพร ด้วยถ้อยคำที่ไพเราะจับใจ นิยมเรียกว่า พรปีใหม่บ้าง ความสุขปีใหม่บ้าง ที่มีกำลังถึงกับทำบุญเลี้ยงพระส่งปีเก่ารับปีใหม่ ก็มีไม่น้อย

แ ม้ทางราชการ ก็มีหลายกระทรวงทบวงกรม ที่ทำบุญส่งปีเก่ารับปีใหม่ สำหรับพระนคร ทางราชการเทศบาลนคร ได้จัดให้มีการมหรศพ ณ ท้องสนามหลวงหลายอย่าง เช่น โขน ละคร ภาพยนตร์ เป็นต้น เป็นงานส่งปีเก่ารับปีใหม่เช่นกัน มีเต๊นท์ ปะรำ สำหรับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และรุ่งเช้าของวันที่ ๑ ก็นิมนต์พระสงฆ์ต่างๆ วัดมารับบาตร ณ ท้องสนาม อันเป็นสถานที่กว้างขวางพอรับรองมหาชนที่พากันมาสดชื่นในยามเช้าของวันใหม่ เดือนใหม่ ปีใหม่

ส ำหรับประชาชนผู้มีใจบุญต่างก็นำอาหารอันควรแก่สมณะบริโภค เช่น ข้าวสุก สูปพยัญชนะ ขนมสด ขนมแห้ง ผลไม้ เผือก มัน ปรุงแต่งอย่างประณีต นำมาใส่บาตรพระสงฆ์ในยามเช้า ณ ท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นสถานที่สะอาดและกว้างขวาง พอรับรองมหาชนที่พากันมาสดชื่นรื่นเริงการบุญได้ทั่วกัน ในวันใหม่ของปีใหม่ เพื่อความสวัสดีมงคลของชีวิตในปีใหม่ ดูในหน้าเบิกบานสดชื่นจริงๆ ตั้งอกตั้งใจทำบุญด้วยกิริยาอาการเรียบร้อย พูดจาไพเราะน่าฟัง แม้จะมีใครพลั้งมากระทบกระทั่งก็ไม่ใส่ใจ ไม่โกรธ ให้อภัยกัน ด้วยเกรงจะเป็นมลทินสำหรับชีวิตของปีใหม่ เห็นแล้วน่ารักน่าชม จึงเป็นงานที่นิยมของคนส่วนมาก บางคนบางท่านก็พากันไปทำบุญที่วัด หรือไม่ก็ใส่บาตรหน้าบ้าน ทั้งนี้ทั้งนั้นรวมลงในการทำบุญส่งปีเก่า รับปีใหม่

ก ารคิดเลิกละงานอันไม่เป็นมงคลก็ดี การตั้งต้นใหม่ในงานที่ชอบก็ดี ในดิถีเช่นนี้ เป็นความสวัสดีแท้ เพราะการตั้งใจชอบ ด้วยยากที่จะหาอนุภาพใดๆ อันสามารถทำคนให้ดีให้ประเสริฐได้ เหนือความตั้งใจไว้ชอบ สมด้วยพระโอวาทของพระบรมศาสดาตรัสประทานไว้ว่า สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ เสยฺยโส นํ ตโต กเร. ค วามว่า จิตที่เขาตั้งไว้ชอบแล้วจะทำเขาให้ประเสริฐกว่า อันการตั้งใจไว้ชอบในงานอันเป็นมงคล ซึ่งสามารถจะยกตนให้พ้นจากทุกข์หรือยากจนนี้เป็นความดีความงามแท้ แม้จะยังมิได้ลงมือทำก็ตาม เพียงแต่โอภาปราศรัย ด้วยใจอันเป็นกุศล หรือแม้ที่สุดเพียงการยิ้มแย้มปรากฏที่ใบหน้าเท่านั้นก็ยังชวนให้น่ารักน่าช ม น่าคบหาสมาคมด้วยไม่น้อย จงดูการพรอดประจ๋อประแจ๋ของนกกระจิบตัวน้อยๆ ในยามเช้าเถิด มันพากันออกจากรวงรัง เพื่อรับแสงสว่าง ส่งเสียงอย่างมีความสุข โผจากกิ่งไม้นี้ไปจับกิ่งไม้โน้นด้วยความสดชื่น เรายังรู้สึกแทนมันว่า มันมีความสุขใจนี่กระไร ถึงกับนักแสวงมงคลถือว่าการได้เห็นได้ฟังเสียงนกร้องเสนาะหูในยามเช้าเช่นนี ้ เป็นมงคลอย่างหนึ่ง

ส ่วนการตั้งใจดี ต่อตัว หรือต่อญาติมิตร ด้วยการประพฤติสิ่งอันเป็นประโยชน์ต่อกัน จะด้วยการบุญกุศลก็ดี จะด้วยการงานเลี้ยงชีพก็ดี จะด้วยโอภาปราศรัยก็ดี โดยที่สุดจะเพียงยิ้มแย้มต่อกันก็ดี ในยามนี้ ในขณะนี้ เช่นในเช้าวันที่ ๑ อันเป็นเวลาของวันใหม่ เดือนใหม่ ปีใหม่ ยามนี้ ขณะนี้ท่านจัดว่าเป็นมงคล เป็นฤกษ์ดี ยามดียิ่งนัก แม้สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ก็ทรงตรัสอนุวัตรตาม คือทรงแสดงว่าเป็นฤกษ์ดี ยามดีของเขาจริง ดังปรากฏในสุปุพพัณหสูตร ซึ่งสมควรจะได้รู้ความเป็นมาของพระสูตรนี้ก่อนเรื่องมีว่า

ใ นสมัยก่อนพุทธกาล ก็ดี แม้ในสมัยพุทธกาล ก็ดีมหาชนยังนิยมถือฤกษ์ดี ยามดียิ่งกว่าในบัดนี้มาก กำหนดเอาดวงอาทิตย์บ้าง ดวงจันทร์บ้าง ดวงดาวบ้าง กำหนดเอาแม้สายฟ้าแลบ สายฟ้าฟาด ที่สุดแม้ก้อนเมฆ ในเวลาต่างๆกัน ตามนิยมกัน ถือว่าเป็นฤกษ์ดี ยามดี เพื่อประกอบกรรมดีบ้าง กรรมชั่วบ้าง เพื่อความเป็นธรรมบ้าง เพื่อความไม่เป็นธรรมบ้าง ครูอาจารย์เจ้าลัทธิในสำนักทั้งหลายต่างก็บัญญัติฤกษ์ยามตามความรู้ความสามา รถของตนๆ ประชาชนพากันเคารพรับเอามาเป็นเวลาประกอบพิธีกรรมต่างๆ ตามที่เคยประจักษ์ผลมาแล้ว และต่างก็พากันยกย่องสรรเสริญครูอาจารย์ของตนเทอดไว้ในฐานะสูงยิ่ง

เ มื่อพระพุทธศาสนาเกิดเป็นหลักปฏิบัติความดีความงาม เป็นหลักการทำบุญกุศลรุ่งเรืองขึ้นในท่ามกลางของลัทธิทั้งหลาย และได้รับความนิยมจากมหาชนยิ่งกว่าลัทธิอื่นๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากเสียงมหาชนว่าพระบรมศาสดาทรงบัญญัติฤกษ์ยาม อนุวัตรตามความนิยมของตำหรับ พยากรณ์ของครูอาจารย์ทั้งหลายอื่นหรือไม่ เพียงใด ข้อนี้เป็นมูลเหตุในพระบรมศาสดาตรัส สุปุพพัณหสูตร ความย่อว่า พระองค์ก็มิได้ทรงปฏิเสธ คัดค้านฤกษ์ยามนั้นๆ แต่พระองค์ตรัสว่า วัน เวลา นั้นจะเป็นฤกษ์ดียามดีสำหรับบุคคลที่มีใจดี-ท ำดี ด้วยวันและเวลาจะเป็นฤกษ์ดียามดีแก่บุคคลทั่วไปหาได้ไม่ ถ้าบุคคลมาตั้งใจไว้ดีต่อตัว ต่อญาติมิตรด้วยการประพฤติสิ่งอันเป็นประโยชน์สุข จะด้วยการงานก็ดี ด้วยถ้อยคำที่ไพเราะก็ดี หรือด้วยน้ำใจอันงาม ที่สุดแม้แต่การยิ้มแย้ม มองดูหน้ากันด้วยไมตรีจิตแล้ว วันและเวลาที่เขานิยมว่าเป็นฤกษ์ดียามดี จึงจะเป็นฤกษ์ดียามดีอันแท้จริง ดังเช่นประชาชนผู้มีใจงาม กระทำกันในเช้าวันที่ ๑ นี้

ด ังนั้น วันใหม่สำหรับปีใหม่นี้ จึงเป็นวัน เวลาที่เป็นฤกษ์ดียามดีของทุกคนที่ใจงามมีความตั้งใจดี โดยมานึกว่า ปีเก่าหมดไปแล้ว ปีใหม่เวียนมา มาเป็นอายุใหม่ มาเป็นชีวิตใหม่ของเรา ดีใจต่อวันใหม่ปีใหม่ ลืมเหตุการณ์อันไม่เป็นมงคลในปีเก่าทั้งสิ้นเสีย พร้อมกับตั้งใจพยายามทำงานต้อนรับฤกษ์ดียามดีในปีใหม่นี้ และด้วยอำนาจงานที่เริ่มพยายามทำด้วยดี ในวันเวลาที่เป็นฤกษ์ดียามดีในปีใหม่ ก็จะเกิดเป็นสวัสดีมงคลอำนวยผลให้รุ่งเรือง มีความสุขกายสุขใจตามวิสัย สมดังมโนรถทุกประการ.

(บรรยาย ๑ มกราึคม ๒๔๙๘)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น