วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ชัยมงคลที่ ๓

ตำนานชัยมงคลที่ ๓

ใ นสมัยเมื่อพระสัมพุทธเจ้า เสด็จประทับสำราญพระอิริยาบถอยู่ในพระเวฬุวันวิหาร ทรงอาศัยราชคฤห์พระมหานครเป็นโคจรภิกษาจารบำเพ็ญพุทธกิจ ประสาธน์ประสิทธิมรรคผลให้สำเร็จแก่พุทธเวไนย ทรงประทานพรหมจรรย์แก่ผู้ที่เลื่อมใสในสันติวรบทเป็นพิเศษ เพื่อให้บรรลุอจลเขตปฏิสัมภิทา ทรงเผยเกียรติคุณของพระศาสนาให้รุ่งเรืองไพศาลพิศิษฐ์ดังโอภาสแห่งดวงอาทิตย ์อุทัยยังนภาลัยประเทศ ให้ประชาสัตว์ตื่นจากสรรพกิเลสนิทรา ประชาชนพากันเคารพบูชาเป็นเอนกด้วยเล็งเห็นพระศาสนาเป็นมรรคาเอกอันควรดำเนิ นเพราะเป็นคุณเครื่องจำเริญประโยชน์ สุขทั้งภพนี้และภพหน้า

ค รั้งนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูราช ยังอ่อนพระชันษาและปรีชาสามารถทั้งหมกมุ่นด้วยความกำหนัด ทรงเลื่อมใสในพระเทวทัตผู้เป็นอาจารย์ มาแสดงปาฏิหาริย์ล่อลวงให้ลุ่มหลง ทำให้ท้าวเธอปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสาร พระชนกนาถ เป็นปิตุฆาตอนันตริยกรรม ซ้ำไม่เลื่อมใสในพระบรมศาสดา ด้วยเชื่อคำพระเทวทัตริษยาแกล้งใส่ใคล้ให้เข้าพระทัยผิดถึงกับมืดมิดด้วยโมห ะไม่เห็นเหตุ ยอมให้พระเทวทัตหาเลศทำลายล้างพระบรมศาสดา เริ่มต้นแต่ขอนายขมังธนูมาเป็นครั้งแรก แล้วส่งไปให้ลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า ด้วยธนูอันกำซาบด้วยยาพิษ แต่นายขมังธนูกลับมาจิตเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ยอมตนเข้าขอเป็นพุทธบุตร ด้วยพระพุทธบารมี พากันยินดีรับเบญจวิรัติ ปฏิบัติตามพระพุทธโอวาท พระเทวทัตก็ก่อกรรมวินาศอย่างอื่นต่อไป ด้วยวิสัยอันธพาล

ค รั้งหนึ่ง ลอบขึ้นไปที่พระพุทธวิหาร ณ ยอดภูเขาคิชฌกูฏ พุทธสำนักในเวลาเช้า ขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลงมาโปรดสัตว์ ครั้นเสด็จบิณฑจาริกวัตรแล้ว พระองค์ก็ขึ้นคิชฌกูฎภูผา พระเทวทัตก็ได้ผลักก้อนศิลาอันใหญ่ให้กลิ้งลงมา หมายจะปลงพระชนม์พระบรมศาสดาให้ดับสูญ แต่ด้วยเดชแห่งพระกุศลบุญช่วยอภิบาล ก้อนศิลาก็ปวัตนาการกลิ้งไปห่างจากช่องทางเสด็จ เพียงแต่พระบาทกระทบสะเก็ดหิน ทำให้ห้อพระโลหิตช้ำ ซึ่งก่อเข็ญเป็นอนันตริยกรรมให้แก่พระเทวทัตเป็นเนริยกสัตว์ในอเวจีนรกสืบไป ภายหน้า เมื่อไม่ควรปรารถนา ก็หาอุบายใหม่ด้วยวิสัยอำมะหิตจิตลามก หาโอกาสเข้าไปยอยกถวายพระพร แด่จอมนริสอดิศรอชาตศัตรูราชาธิบดี ขอพระราชทานช้างนาฬาคีรีราชหัตถีช้างพระที่นั่งซึ่งกำลังซันมันกล้า เพื่อจะปล่อยให้เข่นฆ่าพระพิชิตมาร ยามเมื่อเสด็จภิกษาจารโปรดสัตว์ในเวลาเช้า ด้วยอกุศลจิตคิดเป็นเจ้าปกครองสงฆ์ ในเมื่อสิ้นสุดพระพุทธองค์ไปแล้ว

เ มื่อพระเทวทัตได้รับพระราชทานช้างจากพระเจ้ากรุงมคธแล้ว ก็รีบมาปลุกปั่นป้อยอให้ลาภยศแก่นายควาญช้าง ให้นายควาญช้างรับธุระมอมเหล้าช้างนาฬาคีรีให้เมา เพิ่มกำลังบ้าคลั่งด้วยซับมันขึ้นอีกแรงหนึ่งและกำชับให้ปล่อยช้างในเวลาเช้ า ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ตามถนน ภายในพระนครราชคฤห์นี้ วิสัยสัตว์ไม่รู้จักคนชั่วคนดีอย่างหนึ่งอย่างใด ก็จะไล่ทิ่มแทงพระจอมไตรโลกาจารย์ ยามเมื่อเสด็จภิกษาจารพร้อมด้วยพระสาวกสงฆ์ ให้ย่อยยับอัปปางลงเป็นพัทธุลี สิ้นชื่อพระชินศรีครั้งนี้แล้วแล

ค รั้นข่าวนี้รั่วไหลไปยังพุทธบริษัท อุบาสก อุบาสิกา ผู้เลื่อมใสอยู่ในพระพุทธศาสนา ต่างพากันมาประชุมกันว่า ถ้าจะมิเป็นการ หากเราจะนิ่งเฉยให้พระบรมศาสดาจารย์เข้าเผชิญหน้า กับ คชสาร นาฬา คีรีซับ มันกล้า จักเป็นอันตรายแก่พระบรมศาสดา ซ้ำเสื่อมเกียรติยศแห่งพระศาสนาที่นับถือ เมื่อได้หารือตกลงกันแล้ว ก็พากันไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้ายังพระเวฬุวันวิหาร แล้วกราบทูลถึงเหตุการณ์อันร้ายแรงจะพลันมีในวันพรุ่งนี้เวลาเช้า ขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้างดภิกษาจาร ก็ขอให้โปรดรับบิณฑยาหารที่อารามนี้ พร้อมด้วยพระสาวกบรรดามีทุกพระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้มีเจตจำนงนำอาหารมาอังคาส ขอได้โปรดประทานโอกาสแก่มวลข้าพระยุคลบาทด้วยเถิดพระเจ้าข้า

ค รั้งนั้น พระผู้มีพระเจ้าทรงดำริว่า ถ้าตถาคตจักออกไปทรมานช้างนาฬาคีรี ยังท่ามกลางพระนครแล้ว จึงค่อยพาพระสงฆ์กลับมารับไทยทานที่พระวิหารนี้ เวลากาลก็ยังมีปฏิบัติได้ เพี่อให้เกิดธรรมาพิสมัยแก่ประชาสัตว์ ที่ได้มาเห็นเหตุการณ์ของพระเทวทัต และพระมหากษัตริย์ร่วมกันประกอบทุรกรรม ซึ่งเป็นการผิดจากศิลธรรมไม่ควรดำเนิน แต่กลับก่อให้จำเริญเกียรติศาสนา ครั้นพระบรมศาสดาดำริแล้ว ก็ทรงรับนิมนต์ด้วยดุษณีภาพ ให้พุทธบริษัทผู้นิมนต์รับทราบ แล้วทูลลา

ค รั้นรัตติกาลผ่านมาถึงเวลาอรุณรุ่งเช้า พระมหากรุณาธิคุณเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกบริวาร ก็เสด็จพระพุทธดำเนินภิกษาจารยังพระนครราชคฤห์ขัตติยนิเวศน์ ตามมรรคาประเทศถนนหลวง ประชาชนชาวเมือง ทั้งปวง ได้เห็นพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวก ต่างก็พากันปริวิตกไปต่างๆนานา พวกที่มีศรัทธาสัมมาปฏิบัติ ก็มีความโสมนัสชื่นบาน ว่าวันนี้จักได้ชมบุญญาภินิหารพระบรมโลกนาถ จะทรมานพญากุญชรชาติช้างพระที่นั่งให้สิ้นพยศ พวกที่มีน้ำใจคิดคดลามกมิจฉาจิต ก็คิดไปในทางร้าย ว่าวันนี้จะได้เห็นความวินาศวอดวายของพระสมณโคดม ช้างนาฬาคีรีจักทิ่มแทงให้สิ้นลมมลายชีพ แล้วต่างก็พากันเร่งรีบปีนป่ายต้นไม้ใหญ่ และที่อื่นใดซึ่งพอจะพ้นภัยและมองเห็นได้สบาย คอยดูอยู่มากมายเหลือที่คณนา

ฝ ่ายนายควาญช้างพระที่นั่ง แรกแต่ได้รับคำสั่งของพระเทวทัต ก็พากันจัดแจงหาสุราบานที่แรงกล้ามาเตรียมไว้ ครั้นรุ่งอรุโณทัยทิวาวารก็พากันนำออกมากรอหัตถีพระยาเศวยคชนาฬาคีรีช้างพระ ที่นั่ง ซึ่งกำลังคลุ้งคลั่งซับมัน สิ้นน้ำจันฑ์ ๑๖ กระออมเป็นกำหนด ทำให้พญาช้างเกิดพยศร้ายแรงเพราะฤทธิ์สุรา ชูงวงยกงากระทืบเท้าสะเทือนแท่น ส่งเสียงร้อนแปร๋แปร้นอุโฆษก้องโกญจนาทน่าสพึงกลัว เบ่งตัวบิดตืนสบัดปลอกมุ่งจะวิ่งออกไปลงงาทุกสิ่งที่ผ่านหน้าให้พินาศ ครั้นรุ่งแสงสุริโยภาสเป็นเวลาทรงบาตรพระบรมสุคต นายควาญช้างก็เปลื้องปลดปลอกปล่อย พญานาฬาคีรี ออกสู่วิถีทางเสด็จภิกษาจาร พญานาฬาคีรีก็วิ่งทะยานออกสู่ถนน บรรดาเหล่ามหาชนก็ตะโกนร้องกันต่อๆไป ให้รีบหลบหาความปลอดภัยอันจะพึงมี ทันใดนั้นพญาเควตรหัตถี ก็ส่งเสียงร้องกึกก้องโกญจนาทวิ่งตรงมายังวิถีทางพระโลกนาถเสด็จพระพุทธดำเน ิน จึงมหาชนก็พากันร้องทูลเชิญให้หลบช้างจะทำร้าย แม้พระภิกษุปุถุชนก็กลัวตาย ก็วุ่ยวายกราบทูลพระบรมศาสดาให้เสด็จหนี ว่าพญานาฬาคีรีราชหัตถีเชือกนี้ดุร้ายใจอำมะหิต ไม่รู้จักพระรู้จักเจ้าเหล่าบัณฑิตตลอดความถูกผิดใดๆ มุ่งแต่จะทำความบรรลัยต่อคนและสัตว์เฉพาะหน้า ส่วนพระสงฆ์องค์พระอรหันต์ไม่มีจิตประหวั่นว่า ภัยอันใดจะบังเกิดมี พากันเดินตามพระชินศรีด้วยความสงบเป็นสง่า ตามวิสัยของพระสงฆ์ผู้ทรงคุณปฏิสัมภิทาญาณวิเศษ จึงปรากฏว่าเป็นบุญญเขตควรแก่ไทยทาน อันชาวโลกจะพึงสักการบูชา

ข ณะนั้น พระอานนนเถระพระพุทธอุปฐาก ครั้งช้างนาฬาคีรีร้ายวิ่งเข้ามาใกล้พระผู้มีพระภาคในครั้งนั้น โดยที่พระคุณท่านยังมิได้เป็นอรหันต์ จึงมีความหวาดหวั่นพรั่นใจ เกรงอันตรายจะพึงมีแก่สมเด็จพระชินศรีสัมพุทธเจ้า พระเถรเจ้าจึงคิดว่า อาตมาได้รับความเมตตากรุณาจากสมเด็จพระมหากรุณาธิคุณนี้ใหญ่หลวง เหลือที่จะเอาอะไรมาตักตวงประมาณได้ เมื่ออาตมายังติดตามรอยพระยุคลบาลอยู่เช่นนี้ จักปล่อยให้ช้างนาฬาคีรีมาทำร้ายพระองค์หาบังควรไม่ ใช่วิสัยพุทธอุปัฏฐากสมควรจะออกป้องกันภัย มิให้บังเกิดมีแก่พระผู้มีพระภาคพุทธองค์ แม้ชีวิตของอาตมาจะดับลงเพราะฤทธิ์ก็ชอบแล้ว เสมือนหนึ่งว่าแลกเอาร่มฉัตรรัตนะแก้วที่กั้นโลกให้ดำรงอยู่ ไม่มีผู้รู้ทั้งหลายจึงพึงตำหนิ ครั้นพระเถรเจ้าดำริแล้วเช่นนั้น ก็พลันวิ่งออกไปกั้นสกัดช้างนาฬาคีรี น้อมถวายชีวิตแด่พระชินศรี โดยยอมให้ราชหัตถีทิ่งแทงเอาตามประสงค์แต่ขอให้เอกองค์พระโลกนาถนิราศภัย เห็นประจักษ์แก่ตาคนทั้งหลายด้วยประการฉะนี้

ค รั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงพระมหากรุณา ตรัสเรียกพระอานนทเถรเจ้าให้ถอยมาถึง ๓ ครั้ง พระอานนท์ก็ยับยั้งยืนหยัดสกัดช้างนาฬาคีรีอยู่ สมเด็จพระบรมครูทรงเห็นพระอานนท์ยอมตายไม่คิดกลับจึงทำปาฏิหาริย์ขับช้างนาฬ าคีรีคชสาร ซึ่งกำลังตรงเข้ามาจะประหารพระเถรเจ้า ให้ตกใจกระโพงไปในที่อื่นไม่อาจเข้าใกล้ ขณะนั้นมีสตรีผู้หนึ่งกลัวภัยไม่สามารถจะระงับใจ ครั้นเห็นช้างวิ่งเข้ามาใกล้ก็ทิ้งบุตรไว้กลางถนน วิ่งตามฝูงคนไปไม่เหลียวมา ปล่อยให้ลูกดิ้นร้องน่าเวทนาด้วยกลัวตาย เป็นที่สังเวชใจแก่มหาชน ทันใดนั้น ช้างนาฬาคีรีก็วิ่งวนเข้ามามุ่งจะพิฆาตฆ่าทารกนั้นตามวิสัยสัตว์ สมเด็จพระผู้ทรงสวัสดิ์รัตนวิสุทธิญาณ จึงทรงแผ่เมตตาภินิหารทานดิลก ดังหนึ่งทรงหลั่งสีโตทกให้ตกต้องดวงใจคชสาร ซึ่งกำลังเดือดดาลด้วยสุราบานและซับมัน ให้ความเมาทั้งสองประการนั้นดับสนิท ทั้งให้มีจิตประกอบเมตตาไม่เข้าไปบีฑาทารกนั้นให้เป็นอันตรายได้วิบัติ แล้วพระองค์ทรงพระเมตตาเอื้อนอรรถตรัสเรียกพญาช้างนาฬาคีรีให้เข้ามาเฝ้า เมื่อพญาช้างสร่างเมาก็สิ้พยศยกงวงจบจนบนกระพองศีรษะ แสดงความคารวะในพระสัมพุทธเจ้า หมอบเข้าถวายอภิวาทแทบพระยุคลบาลพระบรมศาสดาสมเด็จพระจอมสงฆ์ ได้ทรงยกพระหัตถ์ลูบกระพองศีรษะคชสารด้วยความเมตตา แล้วประทานโอวาทว่า “ดูกรนาฬาคีรีเอย ! แ ต่นี้ไปเจ้าจงสกัดตัดเลยซึ่งปาณาติบาตอย่าให้ประมาทจิตคิดอาฆาตโกรธแค้นใครๆ จงมีเมตตาจิตทั่วไปในคนและสัตว์ จงมีจิตโสมนัสหนักแน่นในเมตตาและขันตี เมื่อเจ้าวางวายจากภพนี้แล้ว จะได้ไปสู่สุคติสถาน พ้นจากสัตว์เดรัจฉานอันต่ำศักดิ์ ช่างเป็นกุศลคุณบุญอันหนักที่เจ้ามาพบเราตถาคต จงอุตส่าห์ตั้งใจกำหนดวิรัติปฏิบัติจนตราบเท่าอายุขัยนั้นเถิด

ค รั้งนั้น พญาช้างนาฬาคีรีตัวประเสริฐ เกิดตื้นตันใจหลั่งน้ำตาไหลรินอาบหน้า แล้วก้มเศียรเกล้าลงวันทารับพระโอวาท ถวายบังคมพระบาท แล้วเดินกลับหลังยังโรงช้าง ด้วยท่าทางอันสงบเสงี่ยมเป็นอันดี ปรากฏแก่ประชาชนทิชาชีอยู่ทั่วหน้า มหาชนก็พากันสักการบูชาพระบรมศาสดา โห่ร้องกันลั่นสนั่นไป ว่าสมเด็จพระจอมไตรทรงทรมานพญาคชสารนาฬาคีรีให้สิ้นพยศแล้ว และทรงได้ชัยชำนะอันเป็นมงคล ตั้งต้นแต่ พระมหากษัตริย์และพระเทวทัตลงมา จนแม้ช้างนาฬาคีรีซับมันกล้าก็สิ้นฤทธิ์แล้วสมเด็จพระธรรมสารมิสก็พาพระสงฆ์ สาวกเสด็จกลับไปรับไทยทาน ซึ่งพุทธบริษัทจัดถวายยังพระเวฬุวันวิหารนั้นแล

ต นฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ ด้วยพระเดชแห่งพระเมตตาคุณ ที่พระบรมศาสดาทรงระงับดับความทารุณของพญาช้างนาฬาคีรีที่แรงร้ายเหลือประมา ณ เกิดเป็นอภินิหารทรมานพญาช้างให้สงบด้วยพระเมตตา มั่นอยู่ในกระแสธรรมเทศนาอันวิเศษ เป็นชัยมงคลอุดมเดชของพระบรมศาสดา ขอชัยมงคลดังพรรณนามา จงมีแด่พุทธศาสนิกบริษัทตามควรแก่วิสัยในการกุศล ขอยุติข้อความในชัยมงคลที่ ๓ แต่เพียงนี้

(บรรยาย ๒๔ กันยายน ๒๔๙๘)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น